Customer Reviews

หน้าปกของนิยายเล่มนี้จะเป็นรูปที่พระเอกนั่งดูแผลที่หัวเข่าให้นางเอกแต่แววตานั้นไม่สนใจเลยซักนิด T T ดูจากภาพนี้ทุกคนคงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าพระเอกของเรื่องนี้คงเย็นชา!และถูกต้องเลย เมื่อลองอ่านแล้วพระเอกก็เย็นชาจริงๆค่ะเพราะความเซ่อซ่าของเจ้ากามเทพตัวป่วนแท้ๆ ตอนแรกที่อ่านนะรู้สึกจะร้องไห้ตั้งแต่เริ่มเรื่องเลยT_T เนื้อหามีดราม่านิดๆ นักเขียน(peyton)ก็ชักจูง แนวโน้มผู้อ่านให้มีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร เรื่องราวที่สื่อออกมาด้วย เนื้อหาไม่เยอะนะมี 170 กว่าหน้าราคาเล่มละ99บาท แต่รับรองค่ะอ่านแล้วเหมือนได้อ่าน200-300หน้าที่ราคาสูงกว่านี้เลย ไม่ใช่เนื้อหามันยาวแต่ใช้ตัวหนังสือตัวเท่ามดนะ แต่เพราะความคุ้มค่า ความสนุก เนื้อหาต่างหากค่ะเรียกว่าอ่านแล้ววางไม่ลอง หยิบมาอ่านซ้ำได้ไม่น่าเบื่อ (เราอ่านหลายรอบมาก)ด้านหลังปกเป็นรูปที่นางเอกหาเรื่องเข้าไปคุยกับพระเอก ขอบอกนางเอกเรื่องนี้มีความพยายามมากทั้งๆที่โดนเหตุการณ์ต่างๆหลายเหตุการณ์ เป็นผู้รีวิวนะยอมแพ้ตั้งแต่ครั้งแรกแล้วกามเทพก็เน้นกินค่ะ กินจุจริงๆค่ะมาป่วนมากกว่ามาช่วยแต่ขาดไม่ได้นะ ไม่งั้นเรื่องราวงงๆคงไม่เกิดให้เราอ่านหรอก พอเราอ่านก็ให้ข้อคิดเกี่ยวกับความพยายามด้วย ช่วยให้แรงบันดาลใจด้วย มีหลายอรรถรส ข้างในเล่มไม่มีภาพประกอบนะคะแต่หน้าท้ายๆของเล่มจะมีแนะนำนิยายให้ขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยละกันนะคะรับรองว่าต้องติดใจไม่แพ้เรื่องอื่นๆเลยจ้า เหมาะสำหรับคนที่ชอบอ่านนิยายทุกคนเลยค่ะ

หน้าปกของนิยายเล่มนี้จะเป็นรูปที่พระเอกนั่งดูแผลที่หัวเข่าให้นางเอกแต่แววตานั้นไม่สนใจเลยซักนิด T T ดูจากภาพนี้ทุกคนคงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าพระเอกของเรื่องนี้คงเย็นชา!และถูกต้องเลย เมื่อลองอ่านแล้วพระเอกก็เย็นชาจริงๆค่ะเพราะความเซ่อซ่าของเจ้ากามเทพตัวป่วนแท้ๆ ตอนแรกที่อ่านนะรู้สึกจะร้องไห้ตั้งแต่เริ่มเรื่องเลยT_T เนื้อหามีดราม่านิดๆ นักเขียน(peyton)ก็ชักจูง แนวโน้มผู้อ่านให้มีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร เรื่องราวที่สื่อออกมาด้วย เนื้อหาไม่เยอะนะมี 170 กว่าหน้าราคาเล่มละ99บาท แต่รับรองค่ะอ่านแล้วเหมือนได้อ่าน200-300หน้าที่ราคาสูงกว่านี้เลย ไม่ใช่เนื้อหามันยาวแต่ใช้ตัวหนังสือตัวเท่ามดนะ แต่เพราะความคุ้มค่า ความสนุก เนื้อหาต่างหากค่ะเรียกว่าอ่านแล้ววางไม่ลอง หยิบมาอ่านซ้ำได้ไม่น่าเบื่อ (เราอ่านหลายรอบมาก)ด้านหลังปกเป็นรูปที่นางเอกหาเรื่องเข้าไปคุยกับพระเอก ขอบอกนางเอกเรื่องนี้มีความพยายามมากทั้งๆที่โดนเหตุการณ์ต่างๆหลายเหตุการณ์ เป็นผู้รีวิวนะยอมแพ้ตั้งแต่ครั้งแรกแล้วกามเทพก็เน้นกินค่ะ กินจุจริงๆค่ะมาป่วนมากกว่ามาช่วยแต่ขาดไม่ได้นะ ไม่งั้นเรื่องราวงงๆคงไม่เกิดให้เราอ่านหรอก พอเราอ่านก็ให้ข้อคิดเกี่ยวกับความพยายามด้วย ช่วยให้แรงบันดาลใจด้วย มีหลายอรรถรส ข้างในเล่มไม่มีภาพประกอบนะคะแต่หน้าท้ายๆของเล่มจะมีแนะนำนิยายให้ขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยละกันนะคะรับรองว่าต้องติดใจไม่แพ้เรื่องอื่นๆเลยจ้า เหมาะสำหรับคนที่ชอบอ่านนิยายทุกคนเลยค่ะ

หนังสือโลกจิต ผู้เขียนคือ คุณแทนไท ประเสริฐกุล เป็นหนังสือวิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยโลกของคนที่มีอาการโรคจิตหรืออาการผิดปกติทางสมองต่างๆ ฟังดูแล้วอาจดูเป็นเรื่องเครียด ชวนปวดหัว คนที่ไม่เคยอ่านอาจคิดกันไปว่าเนื้อหาต้องออกแนววิทยาศาสตร์หนักๆที่คนทั่วไปอ่านไม่เข้าใจหรือคงจะมีแต่คำศัพท์เฉพาะทางที่ไม่มีวันเข้าถึง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่แบบนั้น คุณแทนไทได้นำความรู้เหล่านั้นมาย่อยแล้วเรียบเรียงใหม่ในสำนวนภาษาเฉพาะตัวทำให้อ่านแล้วเข้าใจง่าย น่าสนุก น่าติดตาม พร้อมสอดแทรกข้อคิด มุขตลก ประสบการณ์ส่วนตัวต่างๆไปตลอดทั้งเล่มเพื่อเพิ่มความน่าสนใจความสนุกสนานเพลินเพลินในตัวหนังสือเล่มนี้ ต้องบอกว่าสนุกจนวางไม่ลงจริงๆ
หลังอ่านหนังสือเล่มนี้ เราจะสามารถเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์โลกได้มากขึ้น อย่างเช่น โรคความจำเสื่อมเกิดจากอะไร คนเป็นโรคความจำเสื่อมมีพฤติกรรมอย่างไร พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ถือเป็นความผิดปกติหรือไม่ ทำไมคนเราต้องหัวเราะ การหัวเราะมีประโยชน์อย่างไร ทำไมคนเราต้องนอนหลับ ผีอำเกิดจากอะไร โลกหลังความตายมีจริงไหม ทำไมหมอดูคนนี้ดูดวงแม่นจัง ทำไมผู้หญิงถึงขี้หึงมากกว่าผู้ชาย นอกจากเรื่องทั่วๆไปเหล่านี้แล้วเรายังจะได้รู้ถึงโรคแปลกประหลาดทางสมองที่คาดไม่ถึงว่าจะมีโรคแบบนี้อยู่ในโลกนี้ เช่น โรคนอนไม่หลับจนตาย โรคหูแว่วได้ยินเสียงมาพูดอยู่ข้างหูสั่งให้ทำนู้นทำนี่ตลอดเวลา โรคตาบอดหน้าที่ไม่สามารถจำหน้าใครได้ ยังมีอะไรแปลกๆอีกมากมายที่อ่านแล้วต้องอุทานว่า เฮ้ย! มันมีแบบนี้จริงเหรอ ขอให้คะแนน5เต็ม 5 เลยค่ะ :D

หนังสือโลกจิต ผู้เขียนคือ คุณแทนไท ประเสริฐกุล เป็นหนังสือวิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยโลกของคนที่มีอาการโรคจิตหรืออาการผิดปกติทางสมองต่างๆ ฟังดูแล้วอาจดูเป็นเรื่องเครียด ชวนปวดหัว คนที่ไม่เคยอ่านอาจคิดกันไปว่าเนื้อหาต้องออกแนววิทยาศาสตร์หนักๆที่คนทั่วไปอ่านไม่เข้าใจหรือคงจะมีแต่คำศัพท์เฉพาะทางที่ไม่มีวันเข้าถึง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่แบบนั้น คุณแทนไทได้นำความรู้เหล่านั้นมาย่อยแล้วเรียบเรียงใหม่ในสำนวนภาษาเฉพาะตัวทำให้อ่านแล้วเข้าใจง่าย น่าสนุก น่าติดตาม พร้อมสอดแทรกข้อคิด มุขตลก ประสบการณ์ส่วนตัวต่างๆไปตลอดทั้งเล่มเพื่อเพิ่มความน่าสนใจความสนุกสนานเพลินเพลินในตัวหนังสือเล่มนี้ ต้องบอกว่าสนุกจนวางไม่ลงจริงๆ
หลังอ่านหนังสือเล่มนี้ เราจะสามารถเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์โลกได้มากขึ้น อย่างเช่น โรคความจำเสื่อมเกิดจากอะไร คนเป็นโรคความจำเสื่อมมีพฤติกรรมอย่างไร พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ถือเป็นความผิดปกติหรือไม่ ทำไมคนเราต้องหัวเราะ การหัวเราะมีประโยชน์อย่างไร ทำไมคนเราต้องนอนหลับ ผีอำเกิดจากอะไร โลกหลังความตายมีจริงไหม ทำไมหมอดูคนนี้ดูดวงแม่นจัง ทำไมผู้หญิงถึงขี้หึงมากกว่าผู้ชาย นอกจากเรื่องทั่วๆไปเหล่านี้แล้วเรายังจะได้รู้ถึงโรคแปลกประหลาดทางสมองที่คาดไม่ถึงว่าจะมีโรคแบบนี้อยู่ในโลกนี้ เช่น โรคนอนไม่หลับจนตาย โรคหูแว่วได้ยินเสียงมาพูดอยู่ข้างหูสั่งให้ทำนู้นทำนี่ตลอดเวลา โรคตาบอดหน้าที่ไม่สามารถจำหน้าใครได้ ยังมีอะไรแปลกๆอีกมากมายที่อ่านแล้วต้องอุทานว่า เฮ้ย! มันมีแบบนี้จริงเหรอ ขอให้คะแนน5เต็ม 5 เลยค่ะ :D

สำหรับหนังสือ นกก้อนหิน เป็นผลงานของนักเขียนชื่อดังอย่าง “บินหลา สันกาลาคีรี” เจ้าของรางวัลซีไรต์จากเรืองเจ้าหงิญ เนื้อหาจะเป็นเรื่องสั้นของชายหนุ่มช่างซ่อมรองเท้าอังโตน กับเรื่องราวความรักของโดยเป็นการถ่ายทอดให้เห็นถึงมุมมองความหมายของความรัก ความอดทน แต่ภายในเนื้อเรื่องเองจะพยายามสื่อถึงความรักที่ไม่ใช่การครอบครอง ความรักที่ไม่ใช่ความซื่อสัตย์ แต่ควรจะเป็นความรักที่ได้ปล่อยลอยไปเหมือนกับสายลม หรือความรักที่ควรจะโบยบินไปดั่งเช่นนก ติดที่ว่าอังโตนนั้นได้ยึดติดกับคำสัญญาจนกลายเป็นดั่งนกก้อนหิน นกที่ไม่อาจโบยบินออกไปได้ เสน่ห์ของนิยายเรื่องนี้คือการดำเนินเรื่อง ไม่ใช่ว่าช้า แต่เป็นการค่อยๆ เดินไปอย่างเนิบช้า อบอุ่น แต่ก็สามารถทรมานหัวใจได้ตลอดทั้งเรื่อง อ่านจบแล้วมั่นใจได้ว่าทุกคนต้องเกิดความรู้สึก “ซาบซึ้ง” ถึงสิ่งที่ผู้แต่งได้นำเสนอออกมา หลายๆ คนก็ตีความหมายแตกต่างกันไป สรุปแล้วความรักที่แท้จริงควรจะมองในมุมมองแบบไหน ทางเลือกที่อังโตนเลือกนั้นมีความสุขจริงหรือไม่ เหตุผลต่างๆนานาที่ทำให้ผู้คนยึดติด และการเปลี่ยนแปลงตัวตนและมุมมองตลอดทั้งเรื่องของตัวละคร แนะนำเลยว่าเรื่องนกก้อนหินเป็นนิยายที่ควรค่าแก่การอ่านอย่างมากๆ (ย้ำว่ามากๆ)หลายๆ คนคงสงสัยว่านกก้อนหินคืออะไร ที่ได้อธิบายไปแล้วนั้นก็เป็นเพียงมุมมองมุมหนึ่งเท่านั้น ผู้อ่านแต่ละคนก็ตีความนกก้อนหินต่างกันไป เล่มนี้เป็นนิยายที่จบแบบลงตัวแล้ว แต่ก็ยังทำให้เก็บมาคิดถึงความหมายอีกเรื่อยๆ ยิ่งนึกถึงและคิดถึงที่จะหยิบมาอ่านใหม่อีกรอบหนึ่ง แนะนำว่าควรจะมีในครอบครองค่ะ

สำหรับหนังสือ นกก้อนหิน เป็นผลงานของนักเขียนชื่อดังอย่าง “บินหลา สันกาลาคีรี” เจ้าของรางวัลซีไรต์จากเรืองเจ้าหงิญ เนื้อหาจะเป็นเรื่องสั้นของชายหนุ่มช่างซ่อมรองเท้าอังโตน กับเรื่องราวความรักของโดยเป็นการถ่ายทอดให้เห็นถึงมุมมองความหมายของความรัก ความอดทน แต่ภายในเนื้อเรื่องเองจะพยายามสื่อถึงความรักที่ไม่ใช่การครอบครอง ความรักที่ไม่ใช่ความซื่อสัตย์ แต่ควรจะเป็นความรักที่ได้ปล่อยลอยไปเหมือนกับสายลม หรือความรักที่ควรจะโบยบินไปดั่งเช่นนก ติดที่ว่าอังโตนนั้นได้ยึดติดกับคำสัญญาจนกลายเป็นดั่งนกก้อนหิน นกที่ไม่อาจโบยบินออกไปได้ เสน่ห์ของนิยายเรื่องนี้คือการดำเนินเรื่อง ไม่ใช่ว่าช้า แต่เป็นการค่อยๆ เดินไปอย่างเนิบช้า อบอุ่น แต่ก็สามารถทรมานหัวใจได้ตลอดทั้งเรื่อง อ่านจบแล้วมั่นใจได้ว่าทุกคนต้องเกิดความรู้สึก “ซาบซึ้ง” ถึงสิ่งที่ผู้แต่งได้นำเสนอออกมา หลายๆ คนก็ตีความหมายแตกต่างกันไป สรุปแล้วความรักที่แท้จริงควรจะมองในมุมมองแบบไหน ทางเลือกที่อังโตนเลือกนั้นมีความสุขจริงหรือไม่ เหตุผลต่างๆนานาที่ทำให้ผู้คนยึดติด และการเปลี่ยนแปลงตัวตนและมุมมองตลอดทั้งเรื่องของตัวละคร แนะนำเลยว่าเรื่องนกก้อนหินเป็นนิยายที่ควรค่าแก่การอ่านอย่างมากๆ (ย้ำว่ามากๆ)หลายๆ คนคงสงสัยว่านกก้อนหินคืออะไร ที่ได้อธิบายไปแล้วนั้นก็เป็นเพียงมุมมองมุมหนึ่งเท่านั้น ผู้อ่านแต่ละคนก็ตีความนกก้อนหินต่างกันไป เล่มนี้เป็นนิยายที่จบแบบลงตัวแล้ว แต่ก็ยังทำให้เก็บมาคิดถึงความหมายอีกเรื่อยๆ ยิ่งนึกถึงและคิดถึงที่จะหยิบมาอ่านใหม่อีกรอบหนึ่ง แนะนำว่าควรจะมีในครอบครองค่ะ

เล่มนี้จะเป็นหนังสือการ์ตูนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โดยมีการสอดแทรกความรู้ลงไปในแต่ละบท เป็นภาพสีทุกหน้าภาพการ์ตูนสีสันจัดเต็มทำให้อยากอ่าน เข้าใจมากกว่าเป็นตัวหนังสือยาวๆ เรียกว่าอ่านได้ไม่มีเบื่อเลยทีเดียว สำหรับคนที่ชอบสะสมหนังสือชุดหาซื้อเรื่องล่าขุมทรัพย์ได้นะคะมีให้ครอบครองถึง 21เล่ม21ประเทศ โดยแปลมาจากเกาหลีอีกทีหนึ่งผู้เขียนคือGomdorl Co. ภายในเล่มจะมีเรื่องราวการท่องเที่ยวไปหลายๆที่เช่นในประเทศออสเตรีย ประเทศแคนาดา โดยแต่ละบทจะเล่าถึงประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศอย่างเช่นในออสเตรียจะเกี่ยวกับการปกครองประเทศในอดีตโดยราชวงศ์ฮับส์บูร์กและอีกมากมาย หนังสือเล่มนี้จะออกแนวพวกสืบคดีลึกลับซับซ้อน พอลองๆมาอ่านแล้วก็เพลินดีได้ลุ้นตลอดว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไงและก็ไม่น่าเบื่อเหมือนหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ทั่วไปด้วย ออกแนวตลกซะมากกว่า นั่งอ่านไปทั้งขำทั้งลุ้นได้หลากหลายอารมณ์ดี ขนาดเราไม่ค่อยชอบประวัติศาสตร์ยังติดใจเลย หน้าปกของหนังสือจะมีแบบหลากหลายขึ้นอยู่กับในเล่มนั้นเกี่ยวกับประเทศไหนหลังปกจะมีสรุปสั้นๆอย่างน่าสนใจด้วย ความหนาโดยไม่มากนัก มีประมาณ203-210หน้า(แล้วแต่เล่ม)ราคาเบาๆ165บาท หลังจากจบบทแล้วเกือบหลังปกจะมีแนะนำหนังสือล่าขุมทรัพย์เล่มต่อๆไปสำหรับเราแล้วเราชอบในตอนออสเตรียสุดละเพราะจะมีเรื่องราวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับนักดนตรีเยอะมากเลยส่วนตัวก็ชอบด้านดนตรีอยู่แล้วด้วยเลยเข้ากันได้ดีมากๆกับเล่มนี้ คิดว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความรู้เบื้องต้นทางประวัติศาสตร์และผู้ที่รักประวัติศาสตร์เพราะยิ่งได้อ่านจะยิ่งหลงรักเข้าไปใหญ่>o< เอาไปเลย5เต็ม5จ้า

เล่มนี้จะเป็นหนังสือการ์ตูนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โดยมีการสอดแทรกความรู้ลงไปในแต่ละบท เป็นภาพสีทุกหน้าภาพการ์ตูนสีสันจัดเต็มทำให้อยากอ่าน เข้าใจมากกว่าเป็นตัวหนังสือยาวๆ เรียกว่าอ่านได้ไม่มีเบื่อเลยทีเดียว สำหรับคนที่ชอบสะสมหนังสือชุดหาซื้อเรื่องล่าขุมทรัพย์ได้นะคะมีให้ครอบครองถึง 21เล่ม21ประเทศ โดยแปลมาจากเกาหลีอีกทีหนึ่งผู้เขียนคือGomdorl Co. ภายในเล่มจะมีเรื่องราวการท่องเที่ยวไปหลายๆที่เช่นในประเทศออสเตรีย ประเทศแคนาดา โดยแต่ละบทจะเล่าถึงประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศอย่างเช่นในออสเตรียจะเกี่ยวกับการปกครองประเทศในอดีตโดยราชวงศ์ฮับส์บูร์กและอีกมากมาย หนังสือเล่มนี้จะออกแนวพวกสืบคดีลึกลับซับซ้อน พอลองๆมาอ่านแล้วก็เพลินดีได้ลุ้นตลอดว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไงและก็ไม่น่าเบื่อเหมือนหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ทั่วไปด้วย ออกแนวตลกซะมากกว่า นั่งอ่านไปทั้งขำทั้งลุ้นได้หลากหลายอารมณ์ดี ขนาดเราไม่ค่อยชอบประวัติศาสตร์ยังติดใจเลย หน้าปกของหนังสือจะมีแบบหลากหลายขึ้นอยู่กับในเล่มนั้นเกี่ยวกับประเทศไหนหลังปกจะมีสรุปสั้นๆอย่างน่าสนใจด้วย ความหนาโดยไม่มากนัก มีประมาณ203-210หน้า(แล้วแต่เล่ม)ราคาเบาๆ165บาท หลังจากจบบทแล้วเกือบหลังปกจะมีแนะนำหนังสือล่าขุมทรัพย์เล่มต่อๆไปสำหรับเราแล้วเราชอบในตอนออสเตรียสุดละเพราะจะมีเรื่องราวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับนักดนตรีเยอะมากเลยส่วนตัวก็ชอบด้านดนตรีอยู่แล้วด้วยเลยเข้ากันได้ดีมากๆกับเล่มนี้ คิดว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความรู้เบื้องต้นทางประวัติศาสตร์และผู้ที่รักประวัติศาสตร์เพราะยิ่งได้อ่านจะยิ่งหลงรักเข้าไปใหญ่>o< เอาไปเลย5เต็ม5จ้า

สำหรับหนังสือ Evermore เสี่ยงรักอันตรายอสุรกายที่รัก ครั้งแรกที่เห็นก็อยากซื้อละ เพราะเป็นหนังสือนิยายที่ราคาไม่แพงแค่ 99 บาทเอง นิยายเล่มอื่นๆจะ100กว่ากันทั้งนั้น (เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เราเลือกซื้อเล่มนี้กลับมาบ้าน55) บวกกับ ชื่อที่คล้องจองเชิญชวนให้เราสนใจหยิบมันขึ้นมาดู หน้าปกหนังสือจะมีรูปประกอบเป็นพระเอกกับนางเอกโดยพระเอกจะดูออกแนวแบดบอยกำลังจับมือและสบตากับนางเอกอยู่ ดูแล้วฟินไปเลย เนื้อหาภายในเล่มจะไม่หนานะ มีแค่175-176 หน้า อ่านได้สบายๆ ไม่กี่ชั่วโมงก็จบแล้ว ภายในเล่มจะไม่มีภาพประกอบเลย เล่มนี้เป็นของสำนักพิมพ์ชูการ์เรน ผู้เขียนเล่มนี้ใช้นามปากกาว่า เฟอร์รารี่ ถึงแม้จะผลิตและเขียนโดยสำนักพิมพ์ที่ไม่ดังมากนัก นักเขียนที่ผลงานยังไม่ค่อยเยอะ(เฟอร์รารี่ตัวจริงยังเด็กอยู่เลย)แต่ฝีมือก็ไม่ได้น้อยหรือด้อยเลย เขียนได้สนุกและน่าติดตามมากๆ พอๆกับนิยายจากสำนักพิมพ์หรือนักเขียนดังๆ ถึงแม้ว่าชื่อตัวละครจะจำยากไปซะหน่อย ทั้งอองเน่ วิกเตอร์ ไอเฟล เนื้อเรื่องจะมีเรื่องราวต่างๆที่ให้เราจินตนาการร่วมไปกับตัวละครด้วย ผู้เขียนใช้ภาษาที่อ่านง่าย อธิบายจนแทบเห็นภาพเลย ทำให้รู้สึกเข้าใจละครและอินไปกับสถานการณ์จากฉากต่างๆ สำหรับใครที่ยังงงหรือสับสนกับคำว่าอสุรกายกับแวมไพร์ ภายในเล่มจะมีบอกถึงความแตกต่างให้เข้าใจ เราก็เพิ่งเข้าใจหลังจากอ่านเล่มนี้ เมื่อก่อนไม่เข้าใจ สำหรับตัวผู้รีวิวเองคิดว่าเล่มนี้ผ่านค่า เพราะ ราคาที่แสนประหยัด เนื้อหาที่สนุก เหมาะสำหรับคนที่รักการอ่านนิยายค่ะ

สำหรับหนังสือ Evermore เสี่ยงรักอันตรายอสุรกายที่รัก ครั้งแรกที่เห็นก็อยากซื้อละ เพราะเป็นหนังสือนิยายที่ราคาไม่แพงแค่ 99 บาทเอง นิยายเล่มอื่นๆจะ100กว่ากันทั้งนั้น (เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เราเลือกซื้อเล่มนี้กลับมาบ้าน55) บวกกับ ชื่อที่คล้องจองเชิญชวนให้เราสนใจหยิบมันขึ้นมาดู หน้าปกหนังสือจะมีรูปประกอบเป็นพระเอกกับนางเอกโดยพระเอกจะดูออกแนวแบดบอยกำลังจับมือและสบตากับนางเอกอยู่ ดูแล้วฟินไปเลย เนื้อหาภายในเล่มจะไม่หนานะ มีแค่175-176 หน้า อ่านได้สบายๆ ไม่กี่ชั่วโมงก็จบแล้ว ภายในเล่มจะไม่มีภาพประกอบเลย เล่มนี้เป็นของสำนักพิมพ์ชูการ์เรน ผู้เขียนเล่มนี้ใช้นามปากกาว่า เฟอร์รารี่ ถึงแม้จะผลิตและเขียนโดยสำนักพิมพ์ที่ไม่ดังมากนัก นักเขียนที่ผลงานยังไม่ค่อยเยอะ(เฟอร์รารี่ตัวจริงยังเด็กอยู่เลย)แต่ฝีมือก็ไม่ได้น้อยหรือด้อยเลย เขียนได้สนุกและน่าติดตามมากๆ พอๆกับนิยายจากสำนักพิมพ์หรือนักเขียนดังๆ ถึงแม้ว่าชื่อตัวละครจะจำยากไปซะหน่อย ทั้งอองเน่ วิกเตอร์ ไอเฟล เนื้อเรื่องจะมีเรื่องราวต่างๆที่ให้เราจินตนาการร่วมไปกับตัวละครด้วย ผู้เขียนใช้ภาษาที่อ่านง่าย อธิบายจนแทบเห็นภาพเลย ทำให้รู้สึกเข้าใจละครและอินไปกับสถานการณ์จากฉากต่างๆ สำหรับใครที่ยังงงหรือสับสนกับคำว่าอสุรกายกับแวมไพร์ ภายในเล่มจะมีบอกถึงความแตกต่างให้เข้าใจ เราก็เพิ่งเข้าใจหลังจากอ่านเล่มนี้ เมื่อก่อนไม่เข้าใจ สำหรับตัวผู้รีวิวเองคิดว่าเล่มนี้ผ่านค่า เพราะ ราคาที่แสนประหยัด เนื้อหาที่สนุก เหมาะสำหรับคนที่รักการอ่านนิยายค่ะ

เป็นหนังสือสรุปเนื้อหาวิชาชีววิทยาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่ดังมาก ประมาณว่าเด็กม.ปลายสายวิทย์ทุกคนต้องมีไว้ในครอบครอง ตัวผู้รีวิวตอนอยู่ม.ปลายสายวิทย์เลยไปหาซื้อมาอ่าน รูปเล่มใหญ่ประมาณA4 แต่ไม่หนาเกินไป หน้าปกสีน้ำเงินมีรูปวาดตัวเต่าทองน่ารักๆ เนื้อหาด้านในใช้กระดาษขาวดำพิมพ์ ไม่มีรูปสี มีรูปวาดประกอบการอธิบายในบทต่างๆ (รูปวาดน่ารักมทุกรูปเลย บางรูปก็เติมตา เติมจมูก ทำให้ดูคล้ายการ์ตูน) ทำให้ดูน่าสนใจ อ่านง่าย ผู้เขียนคือ พี่เต็นท์ จิรัสย์ เจนพาณิชย์ นิสิตแพทย์ จุฬา(ในขณะแต่งหนังสือนะ) เนื้อในเล่มจะมีเนื้อหาครบถ้วนตามที่เรียนกันแต่ผู้เขียนนำมาเรียบเรียง เพิ่มเติม จัดบทต่างๆใหม่ให้เป็นระบบโดยแบ่งออกเป็น 6 ส่วนใหญ่ๆและแบ่งออกเป็น 23 บทย่อย เรียงลำดับตามเนื้อหาที่ต่อเนื่องกันไป ท้ายเล่มก็จะมีแบบฝึกหัดให้ทำ เพื่อทดสอบความเข้าใจ แต่ไม่มีเฉลยละเอียดให้นะ (เฉลยละเอียดตามไปดูได้ตามบล็อก พี่เต็นท์เขียนบอกไว้ในหนังสือ) มีช่องทางให้เราติดต่อไปหาเพื่อสอบถามในกรณืที่งงๆ ไม่เข้าใจเนื้อหาด้วย โดยส่วนตัวผู้รีวิวมีทักษะ ความรู้ชีววิทยาและวิทยาศาสตร์ในสาขาอื่นๆที่อยู่ในระดับที่ต่ำมาก แทบจะเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้ ลองอ่านเล่มนี้ บอกตรงๆว่า ไม่เข้าใจค่ะ เข้าใจแค่บทแรกที่เนื้อหาพื้นๆ = = แต่คนอื่นๆ เพื่อนๆ ก็อ่านเข้าใจนะ ไม่งั้นเล่มนี้ไม่ดังหรอก เหมือนต้องรู้เรื่องเนื้อหาทั้งหมดมาก่อน ถึงมาอ่านเล่มนี้ได้ มาอ่านเลยโดยที่ไม่รู้อะไร ก็จะไม่เข้าใจเหมือนผู้รีวิวค่ะ สรุปว่าหากใครต้องการสรุปเล่มนี้อ่านได้เลยค่ะ แต่หากไม่มีพื้นฐานควรหาเล่มอื่นอ่านเพื่อให้พื้นฐานแน่นก่อน มาอ่านค่ะ

เป็นหนังสือสรุปเนื้อหาวิชาชีววิทยาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่ดังมาก ประมาณว่าเด็กม.ปลายสายวิทย์ทุกคนต้องมีไว้ในครอบครอง ตัวผู้รีวิวตอนอยู่ม.ปลายสายวิทย์เลยไปหาซื้อมาอ่าน รูปเล่มใหญ่ประมาณA4 แต่ไม่หนาเกินไป หน้าปกสีน้ำเงินมีรูปวาดตัวเต่าทองน่ารักๆ เนื้อหาด้านในใช้กระดาษขาวดำพิมพ์ ไม่มีรูปสี มีรูปวาดประกอบการอธิบายในบทต่างๆ (รูปวาดน่ารักมทุกรูปเลย บางรูปก็เติมตา เติมจมูก ทำให้ดูคล้ายการ์ตูน) ทำให้ดูน่าสนใจ อ่านง่าย ผู้เขียนคือ พี่เต็นท์ จิรัสย์ เจนพาณิชย์ นิสิตแพทย์ จุฬา(ในขณะแต่งหนังสือนะ) เนื้อในเล่มจะมีเนื้อหาครบถ้วนตามที่เรียนกันแต่ผู้เขียนนำมาเรียบเรียง เพิ่มเติม จัดบทต่างๆใหม่ให้เป็นระบบโดยแบ่งออกเป็น 6 ส่วนใหญ่ๆและแบ่งออกเป็น 23 บทย่อย เรียงลำดับตามเนื้อหาที่ต่อเนื่องกันไป ท้ายเล่มก็จะมีแบบฝึกหัดให้ทำ เพื่อทดสอบความเข้าใจ แต่ไม่มีเฉลยละเอียดให้นะ (เฉลยละเอียดตามไปดูได้ตามบล็อก พี่เต็นท์เขียนบอกไว้ในหนังสือ) มีช่องทางให้เราติดต่อไปหาเพื่อสอบถามในกรณืที่งงๆ ไม่เข้าใจเนื้อหาด้วย โดยส่วนตัวผู้รีวิวมีทักษะ ความรู้ชีววิทยาและวิทยาศาสตร์ในสาขาอื่นๆที่อยู่ในระดับที่ต่ำมาก แทบจะเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้ ลองอ่านเล่มนี้ บอกตรงๆว่า ไม่เข้าใจค่ะ เข้าใจแค่บทแรกที่เนื้อหาพื้นๆ = = แต่คนอื่นๆ เพื่อนๆ ก็อ่านเข้าใจนะ ไม่งั้นเล่มนี้ไม่ดังหรอก เหมือนต้องรู้เรื่องเนื้อหาทั้งหมดมาก่อน ถึงมาอ่านเล่มนี้ได้ มาอ่านเลยโดยที่ไม่รู้อะไร ก็จะไม่เข้าใจเหมือนผู้รีวิวค่ะ สรุปว่าหากใครต้องการสรุปเล่มนี้อ่านได้เลยค่ะ แต่หากไม่มีพื้นฐานควรหาเล่มอื่นอ่านเพื่อให้พื้นฐานแน่นก่อน มาอ่านค่ะ

ออกแบบหน้าปกและรูปเล่มได้มีสไตล์ ดูดีสวยงามมาก กระดาษเป็นกระดาษถนอมสายตา ทำให้อ่านง่าย ขนาดหนังสือปานกลาง ไม่หนาไม่บางเกินไป พกพาได้ง่าย แต่งจากผู้มีประสบการณ์เป็นสิวจริง ผู้แต่งคือ คุณบีม ริญญาภัทร์ หอมลา หน้าปกก็มีรูปปัจจุบันคุณบีมด้วย หน้าใส๊ใส ไม่มีสิวหรือรอยเลย ภายในเล่มจะบอกเล่าเกี่ยวกับการรักษาสิวด้วยตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติ โดยคุณบีมผู้แต่งก็เล่าประสบการณ์ว่าเมื่อก่อนก็เป็นสิวตั้งแต่เด็กๆเป็นมาเรื่อยๆจน มหาวิทยาลัยก็ยังเป็นอยู่ โดยขณะนั้นก็รักษาสิวตามแนวทางทั่วไปเช่น เข้าclinic หมอสิว หาผลิตภัณฑ์ที่ใครๆบอกมาดีมาใช้ แต่ก็ทรงๆ ทรุดๆบ้าง ไม่หายสักที หมดเงินไปก็มาก ทุกข์ใจเพราะหน้าไม่ใสเหมือนคนอื่น ทำให้ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ต่อมามีโอกาสก็ได้ศึกษาแนวทางการรักษาสิวด้วยตัวเอง มีเงื่อนไขแบบประหยัดด้วย (เพราะขณะนั้นต้องออกจากงานมาดูแลคุณยาย) ทำให้ไม่อยากเข้า clinic จึงเริ่มทดลองจากตัวเองโดยการอาศัยหลักธรรมชาติมาเรื่อยๆ ทั้งหลักการกิน การนอน การdetox หลักนาฬิกาชีวิต การดูแลผิวหน้าทั้งการล้างตามแนวโพรงขน ใช้น้ำเกลือล้างหน้าฯ ต่อมาสิวก็หาย เค้าจึงมีการสรุปว่าปัญหาสิวสามารถรักษาหายได้ ไม่ต้องเสียเงินไปแพงๆ ในเล่มก็จะมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ในการรักษาที่หาได้ทั่วไป ตัวผู้รีวิวเองก็มีปัญหาสิวมาตั้งแต่เด็กๆ ลองทำตามก็ได้ผลบางอย่างไม่ได้หายขาด แต่บางอย่างในเล่มก็ผลเช่นการเอาน้ำเกลือล้างหน้า ลองทำตามแล้วสิวเห่อทุกทีเลย เลยลองหาคลิปใน youtubeหมอในคลิปก็บอกว่าน้ำเกลือไม่ได้ช่วยทำความสะอาดแต่ที่สะอาดคือตัวน้ำเกลือเอง สำหรับเล่มนี้คิดว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์ที่อยากจะให้ทุกๆคนไม่มีสิวโดยไม่หวังผลทางการค้า แต่บางอย่างที่ผู้เขียนทำแล้วดี ลองทำก็ไม่ดีซักเท่าไหร่ เลยให้คะแนนความตั้งใจและอ่านง่าย 4 เต็ม 5 จ้า

ออกแบบหน้าปกและรูปเล่มได้มีสไตล์ ดูดีสวยงามมาก กระดาษเป็นกระดาษถนอมสายตา ทำให้อ่านง่าย ขนาดหนังสือปานกลาง ไม่หนาไม่บางเกินไป พกพาได้ง่าย แต่งจากผู้มีประสบการณ์เป็นสิวจริง ผู้แต่งคือ คุณบีม ริญญาภัทร์ หอมลา หน้าปกก็มีรูปปัจจุบันคุณบีมด้วย หน้าใส๊ใส ไม่มีสิวหรือรอยเลย ภายในเล่มจะบอกเล่าเกี่ยวกับการรักษาสิวด้วยตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติ โดยคุณบีมผู้แต่งก็เล่าประสบการณ์ว่าเมื่อก่อนก็เป็นสิวตั้งแต่เด็กๆเป็นมาเรื่อยๆจน มหาวิทยาลัยก็ยังเป็นอยู่ โดยขณะนั้นก็รักษาสิวตามแนวทางทั่วไปเช่น เข้าclinic หมอสิว หาผลิตภัณฑ์ที่ใครๆบอกมาดีมาใช้ แต่ก็ทรงๆ ทรุดๆบ้าง ไม่หายสักที หมดเงินไปก็มาก ทุกข์ใจเพราะหน้าไม่ใสเหมือนคนอื่น ทำให้ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ต่อมามีโอกาสก็ได้ศึกษาแนวทางการรักษาสิวด้วยตัวเอง มีเงื่อนไขแบบประหยัดด้วย (เพราะขณะนั้นต้องออกจากงานมาดูแลคุณยาย) ทำให้ไม่อยากเข้า clinic จึงเริ่มทดลองจากตัวเองโดยการอาศัยหลักธรรมชาติมาเรื่อยๆ ทั้งหลักการกิน การนอน การdetox หลักนาฬิกาชีวิต การดูแลผิวหน้าทั้งการล้างตามแนวโพรงขน ใช้น้ำเกลือล้างหน้าฯ ต่อมาสิวก็หาย เค้าจึงมีการสรุปว่าปัญหาสิวสามารถรักษาหายได้ ไม่ต้องเสียเงินไปแพงๆ ในเล่มก็จะมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ในการรักษาที่หาได้ทั่วไป ตัวผู้รีวิวเองก็มีปัญหาสิวมาตั้งแต่เด็กๆ ลองทำตามก็ได้ผลบางอย่างไม่ได้หายขาด แต่บางอย่างในเล่มก็ผลเช่นการเอาน้ำเกลือล้างหน้า ลองทำตามแล้วสิวเห่อทุกทีเลย เลยลองหาคลิปใน youtubeหมอในคลิปก็บอกว่าน้ำเกลือไม่ได้ช่วยทำความสะอาดแต่ที่สะอาดคือตัวน้ำเกลือเอง สำหรับเล่มนี้คิดว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์ที่อยากจะให้ทุกๆคนไม่มีสิวโดยไม่หวังผลทางการค้า แต่บางอย่างที่ผู้เขียนทำแล้วดี ลองทำก็ไม่ดีซักเท่าไหร่ เลยให้คะแนนความตั้งใจและอ่านง่าย 4 เต็ม 5 จ้า

ผู้แต่งคือคนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน stock master (การแข่งขันเทรดหุ้น บล.บัวหลวง) ชื่อคุณใหญ่ โอภาส ถิรปัญญาเลิศ หนังสือเล่มนี้พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา ในเล่มมีภาพประกอบด้วย(รูปภาพคนแต่งมาเป็นรูปประกอบ) เล่มนี้จะพิเศษคือใช้ชื่อเพลงมาเป็นชื่อในแต่ละบท มีทั้งเพลงพี่เบิร์ด คุณออฟ ปองศักดิ์ ภายในหนังสือจะเล่าประวัติส่วนตัวของตัวเองตั้งแต่สมัยเรียนแบบย่อๆ แรงบันดาลใจจากคนพูดของลูกสาว และการเริ่มต้นลงทุนในช่วงแรกแบบเม่าๆ คุณใหญ่เรียกตัวเองว่า “เม่าตัวพ่อ” พร้อมยกตัวอย่างพฤติกรรมของเหล่าแมงเม่าในตลาดหุ้นอีกด้วย โดยการลงทุนในครั้งนี้ในตอนแรกได้รับผลกำไร ต่อมาโชคไม่ดีเกิดขาดทุนหยุด ทำให้ต้องหยุดเลิกลงทุนหุ้นไปสักพักใหญ่ๆ ต่อมามีโอกาสในการกลับมาลงทุนอีกครั้ง เค้าเองจึงได้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ในการเทรดมากขึ้น ทำให้สามารถทำกำไรได้ และต่อมาได้เข้าเริ่มในการแข่งขันเทรดหุ้น ในส่วนท้ายๆจะเป็นบันทึกประจำวันในการแข่ง stock master ไปจนชนะ นอกจากนี้คุณใหญ่ยังเสนอแนวทางการลงทุนที่ตัวเค้าใช้คือ HI =การลงทุนที่ได้กำไรอย่างมีความสุข ไม่ใช่กำไรมากแต่ก็เครียด นอนไม่หลับ หรือขาดทุน สำหรับผู้รีวิว รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้เน้นการเล่าประสบการณ์มากกว่าที่จะให้ความรู้เพื่อเป็นพื้นฐานในการลงทุน เพราะหลักในการลงทุนทั้งพื้นฐาน ทั้งเทคนิคอลหาได้น้อยมากในหนังสือเล่มนี้ และอีกอย่างคือการนำประสบการณ์ในการเทรดระยะสั้นๆของการแข่งขันเพียงแค่ 2 เดือนนั้นอาจใช้ไม่ได้100%ในโลกความป็นจริง แต่ยอมรับว่าเล่มนี้อ่านง่าย เพราะถ่ายทอดคำพูดเป็นตัวอักษรได้ดีค่ะ

ผู้แต่งคือคนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน stock master (การแข่งขันเทรดหุ้น บล.บัวหลวง) ชื่อคุณใหญ่ โอภาส ถิรปัญญาเลิศ หนังสือเล่มนี้พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา ในเล่มมีภาพประกอบด้วย(รูปภาพคนแต่งมาเป็นรูปประกอบ) เล่มนี้จะพิเศษคือใช้ชื่อเพลงมาเป็นชื่อในแต่ละบท มีทั้งเพลงพี่เบิร์ด คุณออฟ ปองศักดิ์ ภายในหนังสือจะเล่าประวัติส่วนตัวของตัวเองตั้งแต่สมัยเรียนแบบย่อๆ แรงบันดาลใจจากคนพูดของลูกสาว และการเริ่มต้นลงทุนในช่วงแรกแบบเม่าๆ คุณใหญ่เรียกตัวเองว่า “เม่าตัวพ่อ” พร้อมยกตัวอย่างพฤติกรรมของเหล่าแมงเม่าในตลาดหุ้นอีกด้วย โดยการลงทุนในครั้งนี้ในตอนแรกได้รับผลกำไร ต่อมาโชคไม่ดีเกิดขาดทุนหยุด ทำให้ต้องหยุดเลิกลงทุนหุ้นไปสักพักใหญ่ๆ ต่อมามีโอกาสในการกลับมาลงทุนอีกครั้ง เค้าเองจึงได้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ในการเทรดมากขึ้น ทำให้สามารถทำกำไรได้ และต่อมาได้เข้าเริ่มในการแข่งขันเทรดหุ้น ในส่วนท้ายๆจะเป็นบันทึกประจำวันในการแข่ง stock master ไปจนชนะ นอกจากนี้คุณใหญ่ยังเสนอแนวทางการลงทุนที่ตัวเค้าใช้คือ HI =การลงทุนที่ได้กำไรอย่างมีความสุข ไม่ใช่กำไรมากแต่ก็เครียด นอนไม่หลับ หรือขาดทุน สำหรับผู้รีวิว รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้เน้นการเล่าประสบการณ์มากกว่าที่จะให้ความรู้เพื่อเป็นพื้นฐานในการลงทุน เพราะหลักในการลงทุนทั้งพื้นฐาน ทั้งเทคนิคอลหาได้น้อยมากในหนังสือเล่มนี้ และอีกอย่างคือการนำประสบการณ์ในการเทรดระยะสั้นๆของการแข่งขันเพียงแค่ 2 เดือนนั้นอาจใช้ไม่ได้100%ในโลกความป็นจริง แต่ยอมรับว่าเล่มนี้อ่านง่าย เพราะถ่ายทอดคำพูดเป็นตัวอักษรได้ดีค่ะ

เงินทองต้องจัดการเป็นหนังสือคู่มือในการวางแผนและบริหารการเงินส่วนบุคคล มีขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย ไม่หนาไม่บางจนเกินไป มีรูปการ์ตูนน่ารักๆเป็นภาพประกอบทั้งส่วนของหน้าปกและภายในเล่ม ภาพในเล่มเป็นภาพสี กระดาษเป็นกระดาษถนอมสายตา ผู้แต่งคือ คุณวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ นักวางแผนการเงินชื่อดัง เล่มนี้จะเป็นการรวมเนื้อหาจากคอลัมน์ Money Pro ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ โดยผู้เขียนได้นำมาเพิ่มเติมและปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัย เนื้อหาจะเขียนอธิบายใช้ภาษาพูดแบบบอกเล่าและไม่ใช้ศัพท์ทางการ มีการเรียงลำดับเนื้อหาก่อนหลัง เขียนกระชับ มีการยกตัวอย่างจากเหตุการณ์/ข่าวรอบตัว เช่น กรณีไมเคิล แจ็คสัน ทำให้คนอ่านเข้าใจได้ไม่ยาก เนื้อหาจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ แต่ละส่วนแบ่งเป็นบทสั้นๆ(ไม่เกิน2-3หน้า)รวมทั้งหมด 30 บท เริ่มจากบทแรกที่ให้ข้อคิดและปรับทัศนคติกับผู้อ่านว่า “คนเราต้องเชื่อว่ารวยหรือจนนั้น สามารถสร้างหรือทำลายได้”เริ่มได้เองจากตัวเรา เนื้อหาต่อไปนั้นจะมีการพูดถึงความเสี่ยง ขั้นตอนการจัดการหนี้ การปรับตัวรับวิกฤตและความผันผวน การจัดการภาษี การจัดพอร์ตการลงทุน และมีการแนะนำการลงทุนประเภทต่างๆทั้ง กองทุนรวม สลากออมสิน อสังหาริมทรัพย์ พันธบัตร/ตั๋วแลกเงิน และอื่นๆ มีตารางคำนวณเงินเก็บให้เราสามารถนำไปคิดเองได้แบบง่ายๆ นอกจากเรื่องการเงิน เล่มนี้ก็สอนถึงการนึกถึงเพื่อนร่วมโลกคนอื่นๆ การสอนลูกเรื่องการออมด้วย ที่หน้าปกเขียนว่ามุ่งให้คนที่เริ่มทำงานหรือเริ่มออม แต่สำหรับตัวผู้รีวิวเองคิดว่าคนที่เหมาะสมหรือควรอ่าน “เงินทองต้องจัดการ” คือ ทุกๆคนไม่ว่าจะมือใหม่มือเก่า เพราะเนื้อหาอ่านเข้าใจง่าย มีประโยชน์ให้คะแนน 5 เต็ม 5 เลยค่ะ

เงินทองต้องจัดการเป็นหนังสือคู่มือในการวางแผนและบริหารการเงินส่วนบุคคล มีขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย ไม่หนาไม่บางจนเกินไป มีรูปการ์ตูนน่ารักๆเป็นภาพประกอบทั้งส่วนของหน้าปกและภายในเล่ม ภาพในเล่มเป็นภาพสี กระดาษเป็นกระดาษถนอมสายตา ผู้แต่งคือ คุณวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ นักวางแผนการเงินชื่อดัง เล่มนี้จะเป็นการรวมเนื้อหาจากคอลัมน์ Money Pro ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ โดยผู้เขียนได้นำมาเพิ่มเติมและปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัย เนื้อหาจะเขียนอธิบายใช้ภาษาพูดแบบบอกเล่าและไม่ใช้ศัพท์ทางการ มีการเรียงลำดับเนื้อหาก่อนหลัง เขียนกระชับ มีการยกตัวอย่างจากเหตุการณ์/ข่าวรอบตัว เช่น กรณีไมเคิล แจ็คสัน ทำให้คนอ่านเข้าใจได้ไม่ยาก เนื้อหาจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ แต่ละส่วนแบ่งเป็นบทสั้นๆ(ไม่เกิน2-3หน้า)รวมทั้งหมด 30 บท เริ่มจากบทแรกที่ให้ข้อคิดและปรับทัศนคติกับผู้อ่านว่า “คนเราต้องเชื่อว่ารวยหรือจนนั้น สามารถสร้างหรือทำลายได้”เริ่มได้เองจากตัวเรา เนื้อหาต่อไปนั้นจะมีการพูดถึงความเสี่ยง ขั้นตอนการจัดการหนี้ การปรับตัวรับวิกฤตและความผันผวน การจัดการภาษี การจัดพอร์ตการลงทุน และมีการแนะนำการลงทุนประเภทต่างๆทั้ง กองทุนรวม สลากออมสิน อสังหาริมทรัพย์ พันธบัตร/ตั๋วแลกเงิน และอื่นๆ มีตารางคำนวณเงินเก็บให้เราสามารถนำไปคิดเองได้แบบง่ายๆ นอกจากเรื่องการเงิน เล่มนี้ก็สอนถึงการนึกถึงเพื่อนร่วมโลกคนอื่นๆ การสอนลูกเรื่องการออมด้วย ที่หน้าปกเขียนว่ามุ่งให้คนที่เริ่มทำงานหรือเริ่มออม แต่สำหรับตัวผู้รีวิวเองคิดว่าคนที่เหมาะสมหรือควรอ่าน “เงินทองต้องจัดการ” คือ ทุกๆคนไม่ว่าจะมือใหม่มือเก่า เพราะเนื้อหาอ่านเข้าใจง่าย มีประโยชน์ให้คะแนน 5 เต็ม 5 เลยค่ะ

เป็นหนังสือการลงทุนในหุ้นที่จะเน้นหนักไปทางแนวการลงทุนแบบเน้นคุณค่าหรือแนว VI ที่หลายๆคนเคยได้ยิน รูปเล่มจะเป็นขนาดพกพา ไม่บางไม่หนา กระดาษเป็นกระดาษถนอมสายตา(น่าจะใช่ออกสีน้ำตาลๆหน่อย = =) ภาพประกอบก็มีแค่หน้าปกเท่านั้นค่ะ ในเล่มไม่มี เขียนอธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย เล่มนี้มีบทนำเพื่อเกริ่นปูพื้นในตอนต้นด้วย สำหรับเนื้อหาภายในเล่มจะเริ่มต้นด้วยบทนำ ถัดมาจะเริ่มต้นกล่าวเชิญชวนว่ามีบริษัทดีๆมากมายในตลาดหลักทรัพย์ที่รอทุกคนมาเป็นเจ้าของ(แต่ควรซื้อในเวลาที่เหมาะสม)ดังนั้นเราจึงควรลงทุนในหุ้น มีการแนะให้ค้นหาตัวตนของเราว่าเราชอบที่จะเป็นแบบไหน เก็งกำไรหรือVI คุณกวีบอกให้ค้นหาซะ จะได้มีแนวทางในการลงทุน ไม่ต้องมั่วไปเรื่อยๆ(เค้าบอกว่าค่อยๆหาไปก็ได้ ไม่ต้องรีบ) สำหรับแนวเทคนิคก็มีตอนต้นๆของหนังสือที่พูดถึงการเก็งกำไรว่าทำแบบไหนให้มีความสุขในการspeculate ไม่เครียดเกินไป ไม่ให้ขายหมู(ศัพท์หุ้นหมายถึง ขายไปแล้วหุ้นวิ่งอีกจนเสียดาย)สอนวิธี stop loss หลังจากนี้ก็จะเป็นเกี่ยวกับแนวVI เกือบทั้งหมดเริ่มจากขั้นตอนการค้นหาหุ้น การเลือกหุ้น สอนเลือกว่าเราควรจะซื้อหุ้นเวลาใด รวมไปถึงสอนดูบัญชี อัตราส่วนทางการเงิน งบการเงินแบบง่ายๆ จังหวะการลงทุน การกระจายความเสี่ยงของพอร์ต ลงทุนด้วยความมีวินัย ตรวจสอบและค้นหาหุ้นอยู่เสมอๆ รวมถึงเน้นว่า VI ควรอดทนรอซื้อหุ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมแม้ว่าจะไม่ได้กำไรรวดเร็วแบบแนวเทคนิคแต่มันก็ค่อยๆสร้างผลตอบแทนให้กับเราไปเรื่อยๆและเน้นให้เราลงทุนในระยะยาวเพื่อเก็บเกี่ยวผลตอบแทน สรุป concept ของเล่มนี้คือจะเน้นรวยแบบยั่งยืน ไม่เน้นรวยเร็ว ค่ะ สำหรับคนที่เหมาะสำหรับเล่มนี้ในความเห็นของผู้รีวิว คือ คนทั่วไปที่ต้องการมีอิสรภาพทางการเงินแบบยั่งยืนจากแนวเน้นคุณค่า ไม่ว่ามือเก่ามือใหม่ก็อ่านได้ทั้งหมดค่ะ :D

เป็นหนังสือการลงทุนในหุ้นที่จะเน้นหนักไปทางแนวการลงทุนแบบเน้นคุณค่าหรือแนว VI ที่หลายๆคนเคยได้ยิน รูปเล่มจะเป็นขนาดพกพา ไม่บางไม่หนา กระดาษเป็นกระดาษถนอมสายตา(น่าจะใช่ออกสีน้ำตาลๆหน่อย = =) ภาพประกอบก็มีแค่หน้าปกเท่านั้นค่ะ ในเล่มไม่มี เขียนอธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย เล่มนี้มีบทนำเพื่อเกริ่นปูพื้นในตอนต้นด้วย สำหรับเนื้อหาภายในเล่มจะเริ่มต้นด้วยบทนำ ถัดมาจะเริ่มต้นกล่าวเชิญชวนว่ามีบริษัทดีๆมากมายในตลาดหลักทรัพย์ที่รอทุกคนมาเป็นเจ้าของ(แต่ควรซื้อในเวลาที่เหมาะสม)ดังนั้นเราจึงควรลงทุนในหุ้น มีการแนะให้ค้นหาตัวตนของเราว่าเราชอบที่จะเป็นแบบไหน เก็งกำไรหรือVI คุณกวีบอกให้ค้นหาซะ จะได้มีแนวทางในการลงทุน ไม่ต้องมั่วไปเรื่อยๆ(เค้าบอกว่าค่อยๆหาไปก็ได้ ไม่ต้องรีบ) สำหรับแนวเทคนิคก็มีตอนต้นๆของหนังสือที่พูดถึงการเก็งกำไรว่าทำแบบไหนให้มีความสุขในการspeculate ไม่เครียดเกินไป ไม่ให้ขายหมู(ศัพท์หุ้นหมายถึง ขายไปแล้วหุ้นวิ่งอีกจนเสียดาย)สอนวิธี stop loss หลังจากนี้ก็จะเป็นเกี่ยวกับแนวVI เกือบทั้งหมดเริ่มจากขั้นตอนการค้นหาหุ้น การเลือกหุ้น สอนเลือกว่าเราควรจะซื้อหุ้นเวลาใด รวมไปถึงสอนดูบัญชี อัตราส่วนทางการเงิน งบการเงินแบบง่ายๆ จังหวะการลงทุน การกระจายความเสี่ยงของพอร์ต ลงทุนด้วยความมีวินัย ตรวจสอบและค้นหาหุ้นอยู่เสมอๆ รวมถึงเน้นว่า VI ควรอดทนรอซื้อหุ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมแม้ว่าจะไม่ได้กำไรรวดเร็วแบบแนวเทคนิคแต่มันก็ค่อยๆสร้างผลตอบแทนให้กับเราไปเรื่อยๆและเน้นให้เราลงทุนในระยะยาวเพื่อเก็บเกี่ยวผลตอบแทน สรุป concept ของเล่มนี้คือจะเน้นรวยแบบยั่งยืน ไม่เน้นรวยเร็ว ค่ะ สำหรับคนที่เหมาะสำหรับเล่มนี้ในความเห็นของผู้รีวิว คือ คนทั่วไปที่ต้องการมีอิสรภาพทางการเงินแบบยั่งยืนจากแนวเน้นคุณค่า ไม่ว่ามือเก่ามือใหม่ก็อ่านได้ทั้งหมดค่ะ :D

เล่มนี้เขียนโดยคุณแพท ภาววิทย์เซียนหุ้น นักเขียนหนังสือการลงทุนชื่อดังที่ชอบออกบรรยายตามสัมมนาต่างๆ แต่เมื่อผู้รีวิวลองอ่านแล้ว คิดว่าหนังสือเล่มนี้ให้ conceptเหมือนชื่อหนังสือเป๊ะ!คือให้แค่ว่า ออมในหุ้น ออมในหุ้น และออมในหุ้น ส่วนอื่นๆให้น้อยมาก ภายในเล่มมีการโน้มน้าว แนะนำให้ทุกคนไม่ว่าใคร(จะเงินน้อย เงินมากไม่สำคัญในเล่มเขียนบอกแบบนี้)มาออมในหุ้นกันดีกว่าและไม่ต้องขาย ให้ถือรับปันผลยาวๆไปเท่านั้น (แม้กระทั่งเกิดภาวะวิกฤตก็ตาม ผู้เขียนเขียนอธิบายว่ายังไง ระยะยาวก็ได้ผลตอบแทนอยู่ดี ไม่ต้องขาย) มีอยู่บางตัวอย่างในบทหนึ่งของหนังสือ ยกตัวอย่างว่า มีหมอคนหนึ่งได้รายได้หลักแสนจะทำอย่างไร ให้รายได้เพิ่มขึ้น รวยเพิ่ม ผู้เขียนก็เขียนตอบว่า เอามาออมในหุ้นสิ เพิ่มสินทรัพย์แล้วสินทรัพย์จะสร้างกระแสเงินสดให้(บทก่อนหน้า จำใจความก็ได้ประมาณนี้) = = * เรื่องอื่นๆเช่นปัจจัยพื้นฐานหรือเทคนิคก็ไม่มีอธิบายเลย มีแค่โน้มน้าวใจและเชิญชวนให้คนที่ยังไม่ได้รู้จักการลงทุนในหุ้นหันมาออมหุ้น เล่มนี้จึงเหมาะสำหรับ “คนที่ยังไม่รู้จักหรือลงทุนในหุ้นเลย” แต่!สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยลงทุนหุ้นแต่พอจะมีความรู้พื้นฐานว่า หุ้นเป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนในระยะยาว(มาก)และไม่ชอบซื้อขายสั้นๆ(ชอบถือยาว)ก็ไม่เหมาะสำหรับเล่มนี้นะ เพราะ ถือว่ารู้สิ่งที่เล่มนี้ต้องการจะให้อยู่แล้ว(อ่านเล่มอื่นของผู้เขียนคนนี้ก็ได้ เล่มอื่น เค้าสอนพวกปัจจัยพื้นฐาน กราฟฯ ค่อนข้างดีค่ะ)

เล่มนี้เขียนโดยคุณแพท ภาววิทย์เซียนหุ้น นักเขียนหนังสือการลงทุนชื่อดังที่ชอบออกบรรยายตามสัมมนาต่างๆ แต่เมื่อผู้รีวิวลองอ่านแล้ว คิดว่าหนังสือเล่มนี้ให้ conceptเหมือนชื่อหนังสือเป๊ะ!คือให้แค่ว่า ออมในหุ้น ออมในหุ้น และออมในหุ้น ส่วนอื่นๆให้น้อยมาก ภายในเล่มมีการโน้มน้าว แนะนำให้ทุกคนไม่ว่าใคร(จะเงินน้อย เงินมากไม่สำคัญในเล่มเขียนบอกแบบนี้)มาออมในหุ้นกันดีกว่าและไม่ต้องขาย ให้ถือรับปันผลยาวๆไปเท่านั้น (แม้กระทั่งเกิดภาวะวิกฤตก็ตาม ผู้เขียนเขียนอธิบายว่ายังไง ระยะยาวก็ได้ผลตอบแทนอยู่ดี ไม่ต้องขาย) มีอยู่บางตัวอย่างในบทหนึ่งของหนังสือ ยกตัวอย่างว่า มีหมอคนหนึ่งได้รายได้หลักแสนจะทำอย่างไร ให้รายได้เพิ่มขึ้น รวยเพิ่ม ผู้เขียนก็เขียนตอบว่า เอามาออมในหุ้นสิ เพิ่มสินทรัพย์แล้วสินทรัพย์จะสร้างกระแสเงินสดให้(บทก่อนหน้า จำใจความก็ได้ประมาณนี้) = = * เรื่องอื่นๆเช่นปัจจัยพื้นฐานหรือเทคนิคก็ไม่มีอธิบายเลย มีแค่โน้มน้าวใจและเชิญชวนให้คนที่ยังไม่ได้รู้จักการลงทุนในหุ้นหันมาออมหุ้น เล่มนี้จึงเหมาะสำหรับ “คนที่ยังไม่รู้จักหรือลงทุนในหุ้นเลย” แต่!สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยลงทุนหุ้นแต่พอจะมีความรู้พื้นฐานว่า หุ้นเป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนในระยะยาว(มาก)และไม่ชอบซื้อขายสั้นๆ(ชอบถือยาว)ก็ไม่เหมาะสำหรับเล่มนี้นะ เพราะ ถือว่ารู้สิ่งที่เล่มนี้ต้องการจะให้อยู่แล้ว(อ่านเล่มอื่นของผู้เขียนคนนี้ก็ได้ เล่มอื่น เค้าสอนพวกปัจจัยพื้นฐาน กราฟฯ ค่อนข้างดีค่ะ)

“เล่นหุ้นสไตล์มนุษย์เงินเดือน” ตอนแรกเห็นชื่อหนังสือแล้วรู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีเลย เพราะคิดว่าน่าจะมีการสอนแบ่งเวลา หรือ สอนเนื้อหาต่างๆสำหรับคนที่สนใจหุ้น พอลองอ่านเล่มนี้แล้วรู้สึกว่าเฉยๆไม่ได้ชอบมากนะ มีเล่าว่าแบ่งเวลาเย็นๆดึกๆหลังเลิกทำงาน ไม่ใช้เวลางาน(เวลางานก็ตั้งใจทำอย่างเต็มที่) โดยหาความรู้โดยไปศึกษาจากการอ่าน เรียน ฝึกด้วยตัวเอง และเล่าเรื่องราวว่ามาลงทุนยังไง มีน้ำและเนื้อปะปนกันไป เนื้อหาการลงทุนไม่ค่อย เยอะ(มีสอนกราฟเบื้องต้นแค่บทเดียวเอง นิดเดียวด้วย) เหมือนเป็นการเล่าประวัติของผู้เขียนมากกว่าว่าทำอย่างไรบ้าง(บอกผ่านๆไม่ได้ลงลึกเท่าไหร่นัก) โดยเริ่มเล่าว่าตัวเองเริ่มจากเห็นเพื่อนเทรด อยากรวยบ้าง แต่ก็เจ๊ง ไม่เป็นไปตามที่คิด หลังจากนั้นก็เล่าว่าตัวเองอ่านหนังสือและไปเรียนดูกราฟเพื่อพัฒนา ไม่ให้เป็นเม่า(ไม่มีเนื้อหา วิธีเลือกหุ้น ดูปัจจัยพื้นฐานอะไรเลย ) และเล่าประสบการณ์ว่าเคยเห็นคนอาชีพไหน คนรอบตัวมีใครลงทุนหุ้นบ้าง (ในเล่มเล่าว่ามีทั้งคนตาบอด นักกายภาพ เภสัชกร แม่บ้าน พนักงานออฟฟิศ ก็มาลงทุนหุ้น) เนื้อหาที่เราพอสรุปได้ก็ประมาณว่า ใครๆก็ลงทุนหุ้นได้แต่ถ้าหากทำงานประจำก็อย่าให้เสียแล้วกัน ควรหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อที่จะลงทุนด้วย รู้สึกว่าเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วๆไปในการเริ่มต้นลงทุนในหุ้น สำหรับผู้รีวิว คิดว่าเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแรงบันดาลใจก่อนเริ่มต้นลงทุน หรือต้องการอ่านเรื่องราวของผู้เขียนท่านนี้ค่ะ สำหรับคนที่ต้องการเนื้อหาจริงๆคงไม่เหมาะกับเล่มนี้ซักเท่าไหร่ค่ะ

“เล่นหุ้นสไตล์มนุษย์เงินเดือน” ตอนแรกเห็นชื่อหนังสือแล้วรู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีเลย เพราะคิดว่าน่าจะมีการสอนแบ่งเวลา หรือ สอนเนื้อหาต่างๆสำหรับคนที่สนใจหุ้น พอลองอ่านเล่มนี้แล้วรู้สึกว่าเฉยๆไม่ได้ชอบมากนะ มีเล่าว่าแบ่งเวลาเย็นๆดึกๆหลังเลิกทำงาน ไม่ใช้เวลางาน(เวลางานก็ตั้งใจทำอย่างเต็มที่) โดยหาความรู้โดยไปศึกษาจากการอ่าน เรียน ฝึกด้วยตัวเอง และเล่าเรื่องราวว่ามาลงทุนยังไง มีน้ำและเนื้อปะปนกันไป เนื้อหาการลงทุนไม่ค่อย เยอะ(มีสอนกราฟเบื้องต้นแค่บทเดียวเอง นิดเดียวด้วย) เหมือนเป็นการเล่าประวัติของผู้เขียนมากกว่าว่าทำอย่างไรบ้าง(บอกผ่านๆไม่ได้ลงลึกเท่าไหร่นัก) โดยเริ่มเล่าว่าตัวเองเริ่มจากเห็นเพื่อนเทรด อยากรวยบ้าง แต่ก็เจ๊ง ไม่เป็นไปตามที่คิด หลังจากนั้นก็เล่าว่าตัวเองอ่านหนังสือและไปเรียนดูกราฟเพื่อพัฒนา ไม่ให้เป็นเม่า(ไม่มีเนื้อหา วิธีเลือกหุ้น ดูปัจจัยพื้นฐานอะไรเลย ) และเล่าประสบการณ์ว่าเคยเห็นคนอาชีพไหน คนรอบตัวมีใครลงทุนหุ้นบ้าง (ในเล่มเล่าว่ามีทั้งคนตาบอด นักกายภาพ เภสัชกร แม่บ้าน พนักงานออฟฟิศ ก็มาลงทุนหุ้น) เนื้อหาที่เราพอสรุปได้ก็ประมาณว่า ใครๆก็ลงทุนหุ้นได้แต่ถ้าหากทำงานประจำก็อย่าให้เสียแล้วกัน ควรหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อที่จะลงทุนด้วย รู้สึกว่าเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วๆไปในการเริ่มต้นลงทุนในหุ้น สำหรับผู้รีวิว คิดว่าเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแรงบันดาลใจก่อนเริ่มต้นลงทุน หรือต้องการอ่านเรื่องราวของผู้เขียนท่านนี้ค่ะ สำหรับคนที่ต้องการเนื้อหาจริงๆคงไม่เหมาะกับเล่มนี้ซักเท่าไหร่ค่ะ

เนื้อหาแต่ละตอนของหนังสือเล่นหุ้นกับพี่เม่าเคยถูกเผยแพร่ลงห้องสินธร เว็บพันทิป และบล็อกการลงทุนของผู้แต่ง เล่มนี้จึงเป็นการรวมรวบเนื้อหาให้มาเป็นรูปเล่ม ตามลำดับก่อนหลังที่ควรรู้และใส่เนื้อหาที่ควรรู้เพิ่มเติม เราเห็นโฆษณาเล่มนี้ครั้งแรกรู้สึกว่าหน้าปกสวยดี เป็นรูปการ์ตูนน่ารักๆ สีตลอดทั้งเล่ม เลยตามไปซื้อมา พอได้ลองอ่าน รู้สึกชอบมาก ไม่ผิดหวังเลยที่ตัดสินใจเลือกเพราะในแต่ละตอน(เป็นตอนสั้นๆ 2-3 หน้า)จะมีคำพูดอธิบายความหมาย และตัวการ์ตูนแมงเม่ากับผองเพื่อนเป็นตัวเดินเรื่องเล่าเรื่องต่างๆแบบตลกๆ ฮาๆ สำหรับผู้รีวิวรู้สึกว่าเนื้อหาไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ภายในเล่มจะเล่าถึงประสบการณ์สำคัญ ประสบการณ์เด็ดๆของคนที่เพิ่งมาเล่นหุ้นและรายเก่าว่าโดนกับดักอะไรบ้าง 55 (คุณไม้ไต่คู้ผู้เขียนเรียบเรียงจากประสบการณ์ตัวเอง กับประสบการณ์เม่าๆจากคนอื่น) เมื่อลองอ่านก็พบว่า “ อ้าว นี่มันเราชัดๆ” เหมือนนักจิตวิทยาที่อ่านใจเราออกว่ามือใหม่อย่างเราจะทำอะไรกันบ้าง สำหรับผู้รีวิว คิดว่า เล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจะลงทุนในหุ้นแต่อยากหาอะไรที่ไม่เครียดไปในการเริ่มต้น หรือ คนที่ลงทุนแล้วแต่อยากรู้ข้อผิดพลาดในอดีตและหาความรู้เพิ่มต้น หรือ คนทั่วไปที่อยากหาการ์ตูนอ่านก็ได้ค่ะ น้องๆประถม มัธยมก็อ่านได้นะ สนุกดี ขอแนะนำว่าต้องมีในครอบครอง อ่านแล้วนอกจากจะได้ความเพลิดเพลินแล้วยังได้ความรู้ใหม่ๆจากเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนอีกด้วย เล่มนี้ คุ้มมากจริงๆ(เทียบกับความน่ารักและเนื้อหานะคะ เพียง200 บาทเอง) ถ้าอยากรู้เรื่องแนวคิด หลักการลึกๆหรือขั้นสูง เล่มนี้อาจจะยังไม่เหมาะเท่าไหร่แต่สามารถใช้เป็นพื้นฐานได้นะคะ

เนื้อหาแต่ละตอนของหนังสือเล่นหุ้นกับพี่เม่าเคยถูกเผยแพร่ลงห้องสินธร เว็บพันทิป และบล็อกการลงทุนของผู้แต่ง เล่มนี้จึงเป็นการรวมรวบเนื้อหาให้มาเป็นรูปเล่ม ตามลำดับก่อนหลังที่ควรรู้และใส่เนื้อหาที่ควรรู้เพิ่มเติม เราเห็นโฆษณาเล่มนี้ครั้งแรกรู้สึกว่าหน้าปกสวยดี เป็นรูปการ์ตูนน่ารักๆ สีตลอดทั้งเล่ม เลยตามไปซื้อมา พอได้ลองอ่าน รู้สึกชอบมาก ไม่ผิดหวังเลยที่ตัดสินใจเลือกเพราะในแต่ละตอน(เป็นตอนสั้นๆ 2-3 หน้า)จะมีคำพูดอธิบายความหมาย และตัวการ์ตูนแมงเม่ากับผองเพื่อนเป็นตัวเดินเรื่องเล่าเรื่องต่างๆแบบตลกๆ ฮาๆ สำหรับผู้รีวิวรู้สึกว่าเนื้อหาไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ภายในเล่มจะเล่าถึงประสบการณ์สำคัญ ประสบการณ์เด็ดๆของคนที่เพิ่งมาเล่นหุ้นและรายเก่าว่าโดนกับดักอะไรบ้าง 55 (คุณไม้ไต่คู้ผู้เขียนเรียบเรียงจากประสบการณ์ตัวเอง กับประสบการณ์เม่าๆจากคนอื่น) เมื่อลองอ่านก็พบว่า “ อ้าว นี่มันเราชัดๆ” เหมือนนักจิตวิทยาที่อ่านใจเราออกว่ามือใหม่อย่างเราจะทำอะไรกันบ้าง สำหรับผู้รีวิว คิดว่า เล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจะลงทุนในหุ้นแต่อยากหาอะไรที่ไม่เครียดไปในการเริ่มต้น หรือ คนที่ลงทุนแล้วแต่อยากรู้ข้อผิดพลาดในอดีตและหาความรู้เพิ่มต้น หรือ คนทั่วไปที่อยากหาการ์ตูนอ่านก็ได้ค่ะ น้องๆประถม มัธยมก็อ่านได้นะ สนุกดี ขอแนะนำว่าต้องมีในครอบครอง อ่านแล้วนอกจากจะได้ความเพลิดเพลินแล้วยังได้ความรู้ใหม่ๆจากเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนอีกด้วย เล่มนี้ คุ้มมากจริงๆ(เทียบกับความน่ารักและเนื้อหานะคะ เพียง200 บาทเอง) ถ้าอยากรู้เรื่องแนวคิด หลักการลึกๆหรือขั้นสูง เล่มนี้อาจจะยังไม่เหมาะเท่าไหร่แต่สามารถใช้เป็นพื้นฐานได้นะคะ

ที่ตัดสินใจซื้อมาเพราะเห็นผู้เขียนมีประสบการณ์ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดฯ ผู้เขียนเค้ายังเป็นพิธีกรในรายการ “คิดเรื่องอยู่”(คลิปที่เผยแพร่ทาง youtube)ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับการดูบ้านและคอนโดที่มีการชี้จุดเด่น จุดด้อยในแต่ละส่วน ปรากฏว่าได้ลองอ่าน รู้สึกไม่ผิดหวังเลยที่ซื้อมา ทำได้น่าสนใจโดยหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มีขนาดพกพาได้ง่าย ความยาวพอประมาณไม่มากนัก (160หน้า)รูปเล่มเป็นสี่สีทั้งหมด สีสันสวยงาม สำหรับเราถือว่าทุกคนที่อยากมีอสังหาริมทรัพย์(ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์หรืออื่นๆ)ต้องมีเล่มนี้ เพราะใช้หลักในการตัดสินใจคล้ายๆกัน โดยเล่มนี้จะสอนให้ดูองค์ประกอบหลายอย่างให้ตรง lifestyle ของผู้ที่จะซื้อคอนโด ทั้งวิธีการเลือกทำเลที่อยู่ ทำเลห้อง การเลือกชั้น การเลือกคอนโดมือหนึ่งหรือมือสอง การดูสภาพแวดล้อมของคอนโด และอื่นๆ ชี้แนะให้คิดสิ่งที่เราลืมคิดไปหรือไม่เคยรู้มาก่อนเลย เช่น หลายคนอยากได้คอนโดที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้า แต่ผู้เขียนก็บอกว่าคอนโดที่อยู่ห่างออกมาหน่อย ราคาต่างกันค่อนข้างมาก(คอนโดที่ไกลออกมามักจะมีบริการรถรับส่งมายังสถานีรถไฟฟ้าด้วย) หากเราพอใจที่จะอยู่ห่างมาหน่อย จะทำให้ได้ราคาที่ลดลง สามารถนำไปใช้ในการเลือกห้องที่ใหญ่กว่าเดิมได้ หรือเมื่อเราจะเลือกซื้อคอนโดมิเนียมควรไปสอบถามว่าที่ที่เราเลือก เป็นอย่างไร จากใคร สำหรับผู้รีวิวคิดว่าเล่มนี้เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากมีคอนโดไม่ว่าจะมือหนึ่ง มือสองก็ได้ หรือ อสังหาริมทรัพย์แบบอื่นๆก็ควรอ่าน เทียบกับราคา(ราคาที่ปก150บาท)นับว่าคุ้มมากๆๆๆ เป็นตัวช่วยที่ควรมีค่ะ

ที่ตัดสินใจซื้อมาเพราะเห็นผู้เขียนมีประสบการณ์ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดฯ ผู้เขียนเค้ายังเป็นพิธีกรในรายการ “คิดเรื่องอยู่”(คลิปที่เผยแพร่ทาง youtube)ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับการดูบ้านและคอนโดที่มีการชี้จุดเด่น จุดด้อยในแต่ละส่วน ปรากฏว่าได้ลองอ่าน รู้สึกไม่ผิดหวังเลยที่ซื้อมา ทำได้น่าสนใจโดยหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มีขนาดพกพาได้ง่าย ความยาวพอประมาณไม่มากนัก (160หน้า)รูปเล่มเป็นสี่สีทั้งหมด สีสันสวยงาม สำหรับเราถือว่าทุกคนที่อยากมีอสังหาริมทรัพย์(ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์หรืออื่นๆ)ต้องมีเล่มนี้ เพราะใช้หลักในการตัดสินใจคล้ายๆกัน โดยเล่มนี้จะสอนให้ดูองค์ประกอบหลายอย่างให้ตรง lifestyle ของผู้ที่จะซื้อคอนโด ทั้งวิธีการเลือกทำเลที่อยู่ ทำเลห้อง การเลือกชั้น การเลือกคอนโดมือหนึ่งหรือมือสอง การดูสภาพแวดล้อมของคอนโด และอื่นๆ ชี้แนะให้คิดสิ่งที่เราลืมคิดไปหรือไม่เคยรู้มาก่อนเลย เช่น หลายคนอยากได้คอนโดที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้า แต่ผู้เขียนก็บอกว่าคอนโดที่อยู่ห่างออกมาหน่อย ราคาต่างกันค่อนข้างมาก(คอนโดที่ไกลออกมามักจะมีบริการรถรับส่งมายังสถานีรถไฟฟ้าด้วย) หากเราพอใจที่จะอยู่ห่างมาหน่อย จะทำให้ได้ราคาที่ลดลง สามารถนำไปใช้ในการเลือกห้องที่ใหญ่กว่าเดิมได้ หรือเมื่อเราจะเลือกซื้อคอนโดมิเนียมควรไปสอบถามว่าที่ที่เราเลือก เป็นอย่างไร จากใคร สำหรับผู้รีวิวคิดว่าเล่มนี้เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากมีคอนโดไม่ว่าจะมือหนึ่ง มือสองก็ได้ หรือ อสังหาริมทรัพย์แบบอื่นๆก็ควรอ่าน เทียบกับราคา(ราคาที่ปก150บาท)นับว่าคุ้มมากๆๆๆ เป็นตัวช่วยที่ควรมีค่ะ